กรมควบคุมโรค ห่วงปัญหาเด็กจมน้ำช่วงปิดเทอมใหญ่ เตือนผู้ปกครองดูแลใกล้ชิด อย่าปล่อยให้เล่นน้ำตามลำพังแม้จะเป็นสระน้ำเป่าลม

Public image

- นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การจมน้ำเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กไทยเสียชีวิตสูงเป็นอันดับหนึ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนและปิดเทอมใหญ่ 3 เดือน ช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีเด็กจมน้ำเสียชีวิตมากที่สุดเช่นกัน
- จากข้อมูลปี 2560 ที่ผ่านมา พบเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จมน้ำเสียชีวิต 708 ราย โดยเป็นการจมน้ำเสียชีวิตในช่วงปิดเทอมใหญ่ถึง 254 ราย หรือร้อยละ 35.9 และเด็กที่จมน้ำส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุ 5-9 ปี สาเหตุการจมน้ำในช่วงปิดเทอมใหญ่เนื่องจากเด็กชวนกันไปเล่นน้ำกันเอง
- โดยข้อมูลปีที่แล้วพบว่าเดือนพฤษภาคม เมษายนและมีนาคม เด็กจมน้ำเสียชีวิตสูงสุด ใกล้เคียงกัน คือ 87, 84 และ 83 ราย ตามลำดับ จังหวัดที่มีจำนวนเด็กจมน้ำเสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ สกลนคร ขอนแก่น อุดรธานี สงขลา บุรีรัมย์ ปัตตานี ชัยภูมิ และนครศรีธรรมราช
- สำหรับปี 2561 นี้ จากข้อมูลการเฝ้าระวังในเบื้องต้นของกรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม–10 เมษายน 2561 พบเด็กจมน้ำเสียชีวิตแล้ว 42 ราย เฉพาะในช่วงปิดเทอมใหญ่ ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงปัจจุบัน ข้อมูลเบื้องต้นพบเด็กจมน้ำเสียชีวิตแล้ว 29 ราย
- ดังนั้นจึงขอเตือนผู้ปกครองว่าในช่วงปิดเทอมใหญ่นี้ให้ดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้ชวนกันไปเล่นน้ำกันเอง โดยเฉพาะในแหล่งน้ำธรรมชาติที่ห่างไกลจากผู้ใหญ่คอยดูแล
- อีกข้อควรระวังคือในช่วงปิดเทอมใหญ่ที่เด็กจะอยู่บ้านกับครอบครัว ประกอบกับช่วงนี้อากาศร้อน ผู้ปกครองจึงมักซื้อสระน้ำพลาสติกเป่าลมใส่น้ำให้เด็กๆเล่นในบริเวณบ้าน และอาจชะล่าใจเห็นว่าเป็นน้ำตื้น ปล่อยให้เด็กเล่นตามลำพัง อาจทำให้เด็กจมน้ำเสียชีวิตได้เช่นกัน ดังนี้จงควรเลือกขนาดของสระน้ำเป่าลมให้เหมาะกับผู้ที่ใช้งาน โดยเลือกสระน้ำในระดับที่เด็กนั่งแล้ว ไม่จมน้ำหรือระดับน้ำอยู่ประมาณท้องของเด็กเมื่อนั่ง เมื่อเลิกใช้งานแล้ว ควรปล่อยน้ำออกจากสระให้หมด เพื่อป้องกันการแอบไปเล่นของเด็กๆ ที่สำคัญไม่ปล่อยให้เด็กเล่นน้ำในสระน้ำพลาสติกตามลำพัง เพราะอาจเกิดการจมน้ำได้

ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : นฤมล อุดมพร / สวท.
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย

ลงประกาศโดย กองทุนฯ Phuket

โพสใกล้เคียง: